ในเมื่อเรามีความเสี่ยง และสามารถเกิดฟันผุกันได้ง่ายอย่างนี้ การป้องกันฟันผุจึงสำคัญ ซึ่งทางการแพทย์วิธีการป้องกันฟันผุที่ดีที่สุด ก็คือการใช้ฟลูออไรด์มาช่วยป้องกันฟันผุ เพราะฉะนั้นมาเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันฟันผุด้วยฟลูออไรด์หรือการเคลือบฟลูออไรด์กัน
ฟลูออไรด์ เป็นธาตุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เป็นเกลือของธาตุฟลูออรีนพบได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ ดิน หินแร่ มีสีม่วงอ่อนปนขาว เเละยังเป็นเเร่ธาตุที่พบในอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ปลา ชา อาหารทะเล และผักบางชนิด (ที่พบว่ามีฟลูออไรด์มากคือ กะหล่ำปลี แครอท มะละกอ)
ฟลูออไรด์ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในทางทันตกรรมป้องกันฟันผุ จะอยู่ในรูปของยาเม็ด ยาน้ำ วิตามิน และน้ำยาอมบ้วนปาก เป็นต้น
ฟลูออไรด์ที่ทันตแพทย์นำมาใช้มีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน
ฟลูออไรด์เป็นเกลือของธาตุฟลูออรีน (Fluorine) จึงพบได้ทั้งที่
เนื่องจากเคลือบฟันส่วนที่อยู่ชั้นนอกสุดของฟัน จะมีการสูญเสียแร่ธาตุ (Demineralization) และจะมีการคืนแร่ธาตุ (Remineralization) เข้าไปใหม่ในทุก ๆ วัน โดยกระบวนการทั้งสองนี้จะสร้างความสมดุลในตัวของมันเอง แต่หากเราสูญเสียเคลือบฟันในปริมาณมาก จนขาดความสมดุล ฟันของเราก็จะผุได้
การเคลือบฟลูออไรด์จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน ด้วยการเร่งการคืนแร่ธาตุ อย่างฟลูออไรด์ แคลเซียม และฟอสเฟต นอกจากนี้การเคลือบฟลูออไรด์ยังช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ไม่ให้สร้างกรดขึ้นมาทำลายฟันของคุณด้วย
การเคลือบฟลูออไรด์เป็นวิธีการป้องกันฟันผุที่ดีที่สุดทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ ใครก็ตามที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการมีฟันผุ หรือผู้ที่ต้องการดูแลปกป้องฟันให้มีสุขภาพดี สามารถเข้ารับการเคลือบฟลูออไรด์ได้ทั้งหมด ถือเป็นการดูแลรักษาฟันที่วงการแพทย์แนะนำ โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้ทำการเคลือบฟลูออไรด์ลงไปที่ฟันของคุณโดยตรง ถือว่าสะดวก ปลอดภัย สามารถดูแลฟันให้สวยได้อย่างยาวนาน
ฟลูออไรด์เมื่อถูกดูดซึมเข้าร่างกายจะช่วยเสริมสร้างให้ผิวเคลือบฟันแข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อนของกรดได้ดี ช่วยลดจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดกรดในช่องปากได้ และที่ดีมาก ๆ ก็คือฟลูออไรด์มีผลในการป้องกันโรคฟันผุ ตั้งแต่ฟันกำลังสร้างตัว โดยการที่ฟลูออไรด์เข้าสู่ร่างกายจากการกิน และเมื่อฟันขึ้นในปากแล้ว การที่ฟลูออไรด์สัมผัสผิวฟันจะมีกลไกป้องกันโรคฟันผุ ดังนี้
ฟลูออไรด์มีความจำเป็นกับทุกเพศทุกวัย แต่ในปริมาณที่แตกต่างกัน
ถ้าเพื่อป้องกันฟันผุในวัยเด็กเล็กจะได้ผลดีที่สุด เนื่องจากเด็กเล็กยังไม่สามารถแปรงฟันได้ดี และลักษณะภายในโครงสร้างฟันยังสร้างตัวได้ไม่เต็มที่ จึงมีโอกาสรับธาตุฟลูออไรด์เข้าไปเสริมในโครงสร้างฟันเพิ่มเติมได้ จึงช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวฟันได้มาก
สำหรับผู้สูงอายุฟลูออไรด์ก็มีผลต่อการป้องกันฟันผุได้เช่นกัน แต่อาจจะน้อยกว่าเด็ก เพราะโครงสร้างฟันสร้างตัวเต็มที่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการรับฟลูออไรด์ในผู้สูงอายุก็ช่วยป้องกันฟันผุที่จะเกิดขึ้นใหม่ได้ โดยเฉพาะการผุบริเวณรากฟัน ที่พบมากในผู้สูงอายุ
ถ้าต้องการมีสุขภาพฟันที่ดี วิธีป้องกันฟันผุที่ง่ายวิธีหนึ่งคือการเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เป็นส่วนประกอบ ยกเว้นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี ที่ยังไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ ส่วนเด็กที่อายุ 3-6 ปี ให้เลือกใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์สำหรับเด็ก ซึ่งจะมีปริมาณฟลูออไรด์ต่ำกว่าของผู้ใหญ่ และควรดูแลให้ใช้ในปริมาณแค่เล็กน้อยเท่าเมล็ดถั่ว เพื่อป้องกันการรับฟลูออไรด์มากเกินไปนะคะ
การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ สามารถป้องกันฟันผุในเด็กที่มีประวัติฟันผุหรือมีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุได้ แต่แนะนำให้ใช้กับเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไป ในกรณีที่ต้องการฟลูออไรด์มากกว่าปกติ ทันตแพทย์อาจจะสั่งจ่าย หรือให้ซื้อน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์สูงกว่าปกติมาใช้
ฟลูออไรด์จะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อใช้อย่างถูกต้อง เพราะฟลูออไรด์อาจเกิดอันตรายได้เมื่อใช้ปริมาณสูง หากมีการกลืนฟลูออไรด์ลงไปมาก ในเด็กเล็กอาจมีอาการคลื่นไส้ และอาจทำให้เกิดจุดบนฟันที่กำลังงอกขึ้นได้ กรณีนี้จึงควรปรึกษาทันตแพทย์ซึ่งจะสามารถแนะนำฟลูออไรด์ที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ นอกจากนั้นควรตรวจสอบระบบน้ำที่มีการเติมฟลูออไรด์ลงไป เพื่อให้ทราบปริมาณฟลูออไรด์ว่าเหมาะสมหรือไม่ ผู้ปกครองควรตรวจตราการใช้ผลิตภัณฑ์ฟลูออไรด์ที่บ้าน รวมถึงยาสีฟัน และจัดเก็บฟลูออไรด์ชนิดเม็ดให้พ้นมือเด็กเล็ก
งดการรับประทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม หรือสูบบุหรี่หลังการเคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อย 30 นาที เพื่อเพิ่มการสัมผัสฟลูออไรด์ที่ฟันให้มากขึ้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุได้อย่างเต็มที่ รวมถึงต้องทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด
วิธีที่ได้รับการยอมรับทางวิชาการคือ การตรวจปริมาณฟลูออไรด์ที่ขับออกมาทางปัสสาวะ แล้วนำมาคำนวณหาปริมาณฟลูออไรด์ที่ได้รับต่อวัน โดยวัย และน้ำหนักที่ต่างกัน จะทำให้ร่างกายต้องการปริมาณฟลูออไรด์ที่ต่างกัน ในเด็กองค์การอนามัยโลกกำหนดปริมาณฟลูออไรด์ที่ควรได้รับในแต่ละวันอยู่ที่ 0-1 มิลลิกรัมต่อวัน การจะให้ฟลูออไรด์เสริมปริมาณเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก และความเข้มข้นของฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำดื่ม น้ำปะปา